RSS

เปิดตัว 8 กองทุนประหยัดภาษี ผลงานดี สม่ำเสมอ

04 ต.ค.

สำรวจผลการดำเนินงานกองทุน พบ 8 กองทุนรวมฝาแฝดประหยัดภาษี “RMF” และ “LTF” ผลงานดี เสมอต้นเสมอปลายในทุกช่วงเวลา

ประเทศ ไทยมี “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)” มาตั้งแต่ปี 2544 หรือประมาณ 8 ปี มาแล้ว และมี “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)” ขึ้นในปี 2547 หรือประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน (31 ส.ค. 52) กองทุนทั้ง 2 มีสินทรัพย์สุทธิรวมกันทั้งสิ้น 110,265.97 ล้านบาท “ทะลุ 1 แสนล้านบาท” เรียบร้อยแล้ว

โดยแบ่งเป็นกองทุน RMF 46,543.30 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 42.21% และกองทุน LTF ประมาณ 63,722.67 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 57.79%

ในแง่ของผลตอบแทนเมื่อมองในมิติของ “การลงทุนระยะยาว” ก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน ณ วันที่ 31 ส.ค.2552 ย้อนหลังไป 5 ปี “กองทุน RMF หุ้น” ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 37.97% “กองทุน RMF ผสม” ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 29.31% “กองทุน rmf ตราสารหนี้” ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.81% และ “กองทุน RMF ตราสารตลาดเงิน” ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.66%

ในขณะที่ย้อนหลังไป 3 ปี “กองทุน LTF” ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.66% ซึ่งหากนำไปรวมกับประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับตั้งแต่ “10-37%” ตามฐานภาษีของตัวเองแล้ว ตัวเลขผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับโดยเฉลี่ยจะสูงขึ้นอีกมากทีเดียว ซึ่งคงจะไปหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีขนาดนี้ไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว

@ LTF ผลตอบแทนสูงสุด 34.3%

จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ทั้งหมด 30 กองทุน ณ วันที่ 31 ส.ค. 2552  ย้อนหลัง 3 ปี พบว่า กองทุน LTF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.66% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน -5.45% โดยกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดให้ผลตอบแทน 34.3% และกองทุน LTFที่มีผลงานแย่ที่สุดนั้นให้ผลตอบแทน -25.74% หรือต่างกันถึง 60.04%

“ในจำนวนนี้มีกองทุน LTF จำนวน 19 กองทุน คิดเป็น 63.33% ที่สามารถเอาชนะดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ ในขณะที่อีก 11 กองทุน คิดเป็น 36.67% ที่แพ้ดัชนี และในจำนวนนี้มีอยู่ 2 กองทุน ที่มีผลการดำเนินงานติดลบ”

โดยกองทุนที่มีผลงานดีสุด 5 อันดับแรก ในรอบ 3 ปี ได้แก่ อันดับ 1) “กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทย บรรษัทภิบาลหุ้นระยะยาว (ing cg-ltf)” ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ของ บลจ.ไอเอ็นจี ให้ผลตอบแทน 34.30% อันดับ 2) “กองทุนเปิดแมกซ์ปันผลหุ้นระยะยาว (max div lte)” ของ บลจ.นครหลวงไทย ผลตอบแทน 24.47% อันดับ 3) “กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว (asp-ltf)” ของ บลจ.แอสเซทพลัส ให้ผลตอบแทน 23.89% อันดับ 4) “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (mv-ltf)” ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทน 23.63% และอันดับ 5) “กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (ktlf)” ของ บลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทน 23.11%

อย่างไรก็ตาม หากจะพิจารณาถึงกองทุน LTF ที่มีผลงานดีสม่ำเสมอติดอยู่ใน “ควอไทล์ที่ 1” หรือกองทุนที่มีผลงานดีติดกลุ่มแรกในทุกช่วงเวลาตั้งแต่ย้อนหลัง 3 ปี ย้อนหลัง 1 ปี และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ytd) นั้น มีเพียง 3 กองทุน ได้แก่ “กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (ing cg-ltf)” ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ย้อนหลัง 3 ปี ได้อันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 34.30% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 4 ด้วยผลตอบแทน 10.74% และ ytd อันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 56.23%

“กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว (ma-ltf)” ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ย้อนหลัง 3 ปี ได้อันดับ 7 ด้วยผลตอบแทน 16.94% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 7 ด้วยผลตอบแทน 5.92% และ ytd อันดับ 8 ด้วยผลตอบแทน 47.98%

และ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (mv-ltf)” ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ย้อนหลัง 3 ปี อันดับ 4 ด้วยผลตอบแทน 23.63% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 10 ด้วยผลตอบแทน 4.61% และ ytd อันดับ 9 ด้วยผลตอบแทน 47.72%

@ RMF หุ้น ผลตอบแทนสูงสุด 52.31%

สำหรับกองทุน RMF หุ้น ทั้งหมด 9 กองทุน ณ วันที่ 31 ส.ค.2552  ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า กองทุน RMF หุ้น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 37.97% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน 4.59% โดยกองทุน RMF หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดให้ผลตอบแทน 52.31% และกองทุน RMF หุ้นที่มีผลงานแย่ที่สุดนั้นให้ผลตอบแทน 27.66% หรือต่างกัน 24.65% โดยกองทุน RMF หุ้นทั้งหมด 100% มีผลงานเป็นบวกและชนะดัชนีหุ้นไทยทุกกองทุน

โดยกองทุนRMF หุ้นที่มีผลงานดีที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 5 ปี ได้แก่ อันดับ 1) “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (ingermf)” ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) มีผลตอบแทน 52.31% อันดับ 2) “กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (bermf)” ของ บลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทน 46.49% อันดับ 3) “กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (absc-rmf)” ของ บลจ.อเบอร์ดีน ให้ผลตอบแทน 45.77% อันดับ 4) “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (scbrm4)” ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทน 38.69% และอันดับ 5) “กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (eq-rmf)” ของ บลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทน 34.98%

อย่างไรก็ตาม มีกองทุน RMF หุ้นเพียงกองทุนเดียว ที่มีผลงานติด “ควอไทล์ที่ 1” ในทุกช่วงเวลา ได้แก่ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (ingermf)” ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ย้อนหลัง 5 ปี ได้อันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 52.31% ย้อนหลัง 3 ปี อันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 29.73% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 9.69% และ ytd อันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 55.02%

แต่ถ้ามองช่วงเวลาย้อนหลังตั้งแต่ 3 ปีลงมา จะมีกองทุน RMF หุ้นอีก 1 กองทุน ที่มีผลงานดีสม่ำเสมอติด “ควอไทล์ที่ 1” ในทุกช่วงเวลา ได้แก่ “กองทุนเปิดแมกซ์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (max eq rmf)” ของ บลจ.นครหลวงไทย ย้อนหลัง 3 ปี ได้อันดับ 4 ด้วยผลตอบแทน 19.41% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 3 ด้วยผลตอบแทน 4.57% และ ytd อันดับ 6 ด้วยผลตอบแทน 47.72%

@ RMF ผสม ผลตอบแทนสูงสุด 42.41%

ส่วนกองทุน RMF ผสม ทั้งหมด 10 กองทุน ณ วันที่ 31 ส.ค. 2552  ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า กองทุน rmf ผสม ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 29.31% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน 4.59% โดยกองทุน RMF ผสมที่มีผลงานดีที่สุดให้ผลตอบแทน 42.41% และกองทุน RMF ผสมที่มีผลงานแย่ที่สุดนั้นให้ผลตอบแทน 15.75% หรือต่างกัน 26.66% โดยกองทุน RMF ผสมทั้งหมด 100% มีผลงานเป็นบวกและชนะดัชนีหุ้นไทยทุกกองทุน

โดยกองทุน RMFผสมที่มีผลงานดีที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 5 ปี ได้แก่ อันดับ 1) “กองทุนเปิด ทิสโก้พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (flex-rmf)” ของ บลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทน 42.41% อันดับ 2) “กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (rmf1)” ของ บลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทน 41.10% อันดับ 3) “กองทุนเปิดบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (bflrmf)” ของ บลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทน 40.57% อันดับ 4) “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (m-value)” ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทน 38.53% และอันดับ 5) “กองทุนเปิดเคหุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (kflrmf)” ของ บลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทน 32.68%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลา 5 ปีย้อนหลังมานี้ มีกองทุน RMF ผสมเพียงกองทุนเดียวเท่านั้น ที่มีผลงานติดในกลุ่ม “ควอไทล์ที่ 1” ในทุกช่วงเวลา ได้แก่ “กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (rmf1)” ของ บลจ.กรุงไทย ย้อนหลัง 5 ปี ได้อันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 41.10% ย้อนหลัง 3 ปี อันดับ1 ด้วยผลตอบแทน 28.37% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 8.66% และ ytd อันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 49.32%

และหากมองในช่วงย้อนหลัง 3 ปีจะมีกองทุน RMF ผสมอีก 1 กองทุนที่มีผลงานดีต่อเนื่องได้แก่  “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (m-value)” ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ย้อนหลัง 3 ปี อันดับ 4 ด้วยผลตอบแทน 20.37% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 3 ด้วยผลตอบแทน 3.39% และ ytd อันดับ 3 ด้วยผลตอบแทน 47.55%

@RMF ตราสารหนี้ ผลตอบแทนสูงสุด 4.15%

ด้านกองทุน RMF ตราสารหนี้ ทั้งหมด 20 กองทุน ณ วันที่ 31 ส.ค. 2552  ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า กองทุนRMF ตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.81% ในขณะที่ดัชนีเทียบวัด (เงินฝากประจำ 1 ปี เฉลี่ยของ 3 ธนาคารใหญ่ที่มียอดเงินฝาก 1 ล้านบาท) ให้ผลตอบแทน 2.41% โดยกองทุนRMFตราสารหนี้ที่มีผลงานดีที่สุดให้ผลตอบแทน 4.15% และกองทุนRMF ตราสารหนี้ที่มีผลงานแย่ที่สุดนั้นให้ผลตอบแทน 1.79% หรือต่างกัน 2.36%

“ในจำนวนนี้มีกองทุนRMFตราสารหนี้ จำนวน 14 กองทุน คิดเป็น 70.00% ที่สามารถเอาชนะดัชนีเทียบวัดได้ ในขณะที่อีก 6 กองทุน คิดเป็น 30.00% ที่แพ้ดัชนี”

โดยกองทุนRMF ตราสารหนี้ที่มีผลงานดีที่สุด 5 อันดับแรกในรอบ 5 ปี ได้แก่ อันดับ 1) “กองทุนเปิดธนชาติตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (nfrmf)” ของ บลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทน 4.15% อันดับ 2) “กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (rmf2)” ของ บลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทน 4.09% อันดับ 3) “กองทุนเปิดธนชาติพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (ngrmf)” ของ บลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทน 3.84% อันดับ 4) “กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (ayfgovrmf)” ของ บลจ.อยุธยา ให้ผลตอบแทน 3.53% และ 5) “กองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้คุณค่า เพื่อการเลี้ยงชีพ (f-rmf)” ของ บลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทน 3.38%

อย่างไรก็ตามในรอบ 5 ปีย้อนหลังมานี้ ไม่มีกองทุนRMFตราสารหนี้กองใดเลยที่มีผลงานติดอยู่ใน “ควอไทล์ที่ 1” ทุกช่วงเวลา แต่เมื่อมองในระยะ 3 ปีย้อนหลัง พบว่ามี 1 กองทุนที่มีผลงานติดในควอไทล์ที่ 1 ทุกช่วงเวลา ได้แก่ “กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (asp-frf)” ของ บลจ.แอสเซท พลัส ย้อนหลัง 3 ปี อันดับ 5 ด้วยผลตอบแทน 4.36% ย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 4 ด้วยผลตอบแทน 4.78% และ ytd อันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 3.23%

@RMF ตราสารตลาดเงิน ผลตอบแทนสูงสุด 2.91%

สำหรับกองทุน RMFตราสารตลาดเงิน ทั้งหมด 5 กองทุน ณ วันที่ 31 ส.ค. 2552  ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า กองทุน RMF ตราสารตลาดเงิน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.66% ในขณะที่ดัชนีเทียบวัด (เงินฝากประจำ 1 ปี เฉลี่ยของ 3 ธนาคารใหญ่ที่มียอดเงินฝาก 1 ล้านบาท) ให้ผลตอบแทน 2.41% โดยกองทุน RMF ตราสารตลาดเงินที่มีผลงานดีที่สุดให้ผลตอบแทน 2.91% และกองทุนRMF ตราสารตลาดเงินที่มีผลงานแย่ที่สุดนั้นให้ผลตอบแทน 2.45% หรือต่างกัน 0.46% โดยกองทุน RMFตราสารตลาดเงินทั้ง 100% สามารถเอาชนะดัชนีเทียบวัดได้ทั้งหมด

โดยกองทุน RMFตราสารตลาดเงินที่มีผลงานดีที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 5 ปี ได้แก่ อันดับ 1) “กองทุนเปิดธนชาตตลาดเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ (nmrmf)” ของ บลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทน 2.91% อันดับ 2) “กองทุนเปิดตราสารการเงินคุณค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (m-rmf)” ของ บลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทน 2.80% อันดับ 3 “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อการเลี้ยงชีพ (scbrm1)” ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทน 2.64% อันดับ 4 “กองทุนเปิดทหารไทยธนบดีเพื่อการเลี้ยงชีพ (tmbmrmf)” ของ บลจ.ทหารไทย ให้ผลตอบแทน 2.51% และอันดับ 5 “กองทุนเปิดเคบริหารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ (kmmrmf)” ของ บลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทน 2.45%

“อย่างไรก็ตามในรอบ 5 ปีย้อนหลัง และ 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา ไม่มีกองทุนRMF ตราสารตลาดเงินกองใดเลยที่มีผลงานติดในกลุ่มควอไทล์ที่ 1 ทุกช่วงเวลา แต่ผลการดำเนินงานของกองทุนRMF ตราสารตลาดเงินในทุกช่วงเวลาก็ไม่มีกองทุนใดเลยที่มีผลตอบแทนติดลบ ซึ่งหากไปรวมกับฐานภาษี 10-37% แล้วก็ยังคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ไม่น้อยอยู่นั่นเอง”

จากข้อมูลผลการดำเนินงานที่ปรากฏจะพบว่ากองทุน RMF-LTF มีความแตกต่างของผลตอบแทนอยู่พอสมควรการเลือกกองทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ ละเลยไม่ได้ นั่นคือผลประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มเข้ามาหรือทำหายไปด้วย แต่ถ้าเลือกไม่ถูกการมองหากองทุนที่มีผลงานดีสม่ำเสมอ น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย ในช่วงส่งท้ายปีกับเทศกาลประหยัดภาษีเช่นนี้

 
ใส่ความเห็น

Posted by บน ตุลาคม 4, 2009 นิ้ว เรื่องควรรู้

 

ป้ายกำกับ:

ใส่ความเห็น