ดังที่เล่าไว้ในตอนแรก ผู้เขียนหนังสือเรื่อง How Much Is Enough? เสนอว่า “ชีวิตที่ดี” เป็นสิ่งที่ทุกคนมีได้และควรแสวงหา
ส่วน เงินหรือรายได้ที่จะนำมาซึ่งชีวิตที่ดีนั้นคือจำนวนที่ควร “พอ” แต่เขามิได้ให้นิยามของคำว่า “ชีวิตที่ดี” จนกระทั่งบทที่ 6 ซึ่งเป็นบทรองสุดท้ายของหนังสือ ก่อนนั้นเขาพูดถึงปรัชญาและที่มาของระบบทุนนิยม สิ่งที่ทำให้ระบบนั้นเลวร้าย เรื่องการใช้ทรัพย์สิน เรื่องมายาภาพของความสุข และเรื่องข้อจำกัดของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ วันนี้จะไม่พูดถึงเรื่องเหล่านั้น แต่จะข้ามไปพูดถึงชีวิตที่ดีในบทที่ 6 ซึ่งผู้เขียนเสนอว่ามีส่วนประกอบเบื้องต้น 7 อย่างด้วยกันคือ
หนึ่ง สุขภาพดีซึ่งหมายถึงร่างกายที่ทำงานได้ตามปกติในช่วงที่มีชีวิตอยู่ตาม อายุขัย การจะมีร่างกายที่ดีได้ย่อมหมายถึงมีสิ่งจำเป็นต่างๆ ในปริมาณที่เพียงพอแต่ไม่ฟุ่มเฟือยรวมทั้งอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัยและการรักษาพยาบาลเมื่อเกิดการเจ็บป่วย แต่ไม่รวมถึงความพยายามที่จะมีชีวิตแบบผิดไปมากจากกฎของธรรมชาติซึ่งจะนำไป สู่การใช้จ่ายแบบไม่มีทางเพียงพอ อาทิเช่น ความพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยใช้เครื่องช่วยชีวิตต่างๆ อย่างต่อเนื่องรวมทั้งเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ที่ตกอยู่ในภาวะนิทราอย่าง ถาวร และความพยายามทำศัลยกรรมตกแต่งที่ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของการทำ งานตามปกติของร่างกายแต่อย่างใด
สอง ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตโดยปราศจากการรบกวนของอาชญากรรม สงคราม หรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แบบเฉียบพลันทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
สาม การได้รับความเคารพ หรือการมีศักดิ์ศรี การเป็นทาสอาจเป็นการสูญเสียศักดิ์ศรีที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษย์เรา แต่เนื่องจากในสมัยนี้ สังคมต่างๆ ไม่มีระบบทาสเหลืออยู่ เรื่องนี้จึงมุ่งไปที่ความเหลื่อมล้ำซึ่งจะต้องไม่มีมากจนทำให้กลุ่มชนแบ่ง แยกแบบเชื่อมกันไม่ติดโดยผู้ที่มีเงินมากสามารถละเมิดกฎหมายได้ตามใจชอบ ในขณะที่คนจนรู้สึกคับแค้นใจอยู่ไม่ขาด และนักการเมืองเป็นทาสของเงิน
สี่ ความมีอิสระที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองบนฐานของการมีศีลธรรมจรรยา การมีหลักประกันในทรัพย์สินเป็นส่วนประกอบหลักของความมีอิสระ เพื่อให้เกิดความมีอิสระอย่างทั่วถึง ทรัพย์สินจะต้องกระจายออกไปอย่างกว้างขวาง แทนที่จะตกอยู่ในมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ
ห้า การอยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน เรื่องนี้มักก่อให้เกิดการถกเถียงกันในระหว่างฝ่ายที่มองว่าการอยู่ใกล้ ธรรมชาติเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดชีวิตที่ดีและฝ่ายที่ไม่เชื่อเช่นนั้น ผู้เขียนอ้างถึงข้อมูลต่างๆ แล้วสรุปว่าฝ่ายแรกมีน้ำหนักมากกว่า
หก การมีเพื่อนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ เพื่อนในที่นี้อาจเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือคนนอกครอบครัวก็ได้ซึ่งคบค้ากันด้วยความจริงใจ มิใช่เพื่อผลประโยชน์
เจ็ด การพักผ่อนหย่อนใจซึ่งไม่เฉพาะการผ่อนคลายอย่างสบายๆ เนื่องจากได้พักจากงานหรือความกดดันต่างๆ เท่านั้น หากยังรวมถึงการได้ทำสิ่งที่มีใจรักอีกด้วย ในบางกรณี การทำงานอาจเป็นการได้ทำสิ่งที่มีใจรักพร้อมๆ กันไปด้วย อาทิเช่น เมื่อนักเขียนแต่งหนังสือ แม้จะไม่มีใครจ่ายเงินให้ เขาก็ยังทำต่อไปเนื่องจากมีใจรัก
สำหรับบุคคล การจะมีชีวิตที่ดีได้ส่วนหนึ่งมาจากโชคของการเกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่อำนวย และมีร่างกายที่มีส่วนประกอบดี และการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะต้องก่อให้เกิดภาวะเอื้ออำนวยซึ่งส่วน ใหญ่มิใช่ภาวะทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนประกอบสำคัญทางด้านเศรษฐกิจได้แก่การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ซึ่งอาจมีความ สำคัญใน 3 ด้านด้วยกันคือ
ด้านแรก การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจมีความจำเป็นในการผลิตปัจจัยเบื้องต้นสำหรับการมี ชีวิตที่ดี อาทิเช่น ทำให้มีอาหารและปัจจัยในการรักษาพยาบาลอย่างเพียงพอ ในประเทศที่ก้าวหน้ามากๆ ปัจจัยเบื้องต้นเหล่านี้มักมีอย่างเพียงพอแล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ มันขยายตัวต่อแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ด้านที่สอง การขยายตัวต่อไปอาจทำให้บุคคลมีอิสระที่จะเลือกสิ่งต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นและสนับสนุนให้เกิดการค้นคว้าหาความรู้และสร้างความเปลี่ยนแปลง ต่างๆ ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีอย่างต่อเนื่อง
ด้านที่สาม การขยายตัวอาจมีความจำเป็นในระยะสั้นเมื่อสังคมมีอัตราการว่างงานและภาระหนี้สินสูง
เมื่อเศรษฐกิจสามารถผลิตทุกอย่างที่เอื้อให้สมาชิกในสังคมมีชีวิตที่ดี ได้แล้ว การขยายตัวต่อไปมีโอกาสทำให้ชีวิตที่ดีลดลง ไม่ว่าจะเป็นจากการทำลายสิ่งแวดล้อม การจำกัดโอกาสสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ หรือการชักจูงให้เกิดการบริโภคที่ไม่จำเป็นมากขึ้นจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจที่สามารถผลิต หรือค้าเพื่อแสวงหาทุกอย่างมาได้อย่างเพียงพอสำหรับชีวิตที่ดีของสมาชิกใน สังคมแล้วเป็นเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะ “นิ่ง” หรือ “พอ” ซึ่งปราชญ์ทางด้านเศรษฐศาสตร์จากอดัม สมิธ ถึงจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ มองว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรเป็นเป้าหมายของสังคมโดยทั่วไป แต่สังคมทุนนิยมได้มองข้ามเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะนิ่งเพราะความโลภเข้าครอบงำ ซึ่งนำไปสู่การผลักดันให้เกิดการขยายตัวของการผลิตและการบริโภคแบบไม่มีที่ สิ้นสุด